www.lovechiangrai.com
 
สถานที่แนะนำ
ผู้ชม
วันนี้ 13
เมื่อวาน 25
ทั้งหมด 134,479
ชมหน้าอื่นๆ
วันนี้ 13
เมื่อวาน 27
ทั้งหมด 153,928
เว็บเพื่อนบ้าน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน

เชียงแสนเป็นเมืองโบรษรในบริเวณภาคเหนือตอนบนที่สำคัญยิ่งเมืองหนึ่ง ทางประวัติศาสตร์ของแคว้นล้านนา มีแหล่งโบราณคดีทั้งสทัยก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยประวัติศาสตร์ปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก พระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพระเจ้ามังราย ทรงสร้างเมืองเชียงแสนขึ้นบนที่ราบสองฝั่งโขง อันเป็นดินแดนดั้งเดิมของบรรพชน เมื่อ พ.ศ. 1871 เพื่อใช้เป็นที่มั่นในการควบคุมดูแลหัวเมืองต่างๆ ในแค้วโยนก และเป็นปากประตู เพื่อติดต่อก้บบ้านเมืองภายในผืนทวัปตามเส้นทางแม่น้ำโขง

ร่องรอยของโบราณสถานในอำเภอเชียงแสนที่เหลือให้เห็นฯในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างในพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระเจดีย์ และพระวิหาร ซื้งมารายชื่อวัดปรากฏอยู่ในประชุมพงศาวการภาคที่ 61  พงศาดารเมืองเงินยางเชียงแสน จำนวน 141 วัด โดยแบ่งอกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ วัดในเมือง 75 วัด และวัดนอกเมือง 66 วัด

ประวัติ
เชียงแสนเป็นเมืองโบราณบริเวณภาคเหนือตอนบนที่สำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ของแคว้นล้านนา  มีแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยประวัติศาสตร์ปรากฎอยู่มาก
พระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพระเจ้าเม็งรายทรงสร้างเมืองเชียงแสนขึ้นปี พ.ศ. 1871 เพื่อเป็นที่มั่นในการควบคุมดูแลหัวเมืองต่างๆ ในแคว้นโยนก และเป็นปากประตูเพื่อติดต่อกับบ้านเมืองภายในผืนทวีปตามเส้นทางแม่น้ำโขง มีร่องรอยโบราณสถานให้เห็นอยู่ถึงปัจจุบัน
เมื่อมีการจัดตั้งหน่วยศิลปากรขึ้นปี พ.ศ. 2500 เพื่อดูแลรักษาโบราณสถานในเมืองเชียงแสน  จึงได้มีการตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้น ในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504  เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุที่ได้จากการสำรวจขุดแต่งโบราณสถานเมืองเชียงแสน และบริเวณใกล้เคียง จัดแสดงให้ประชาชน นักศึกษา ชม และศึกษาหาความรู้  โดยใช้ศาลาหลังเก่าของวัดเจดีย์หลวงเป็นอาคารจัดแสดงหลังแรก  ต่อมาได้มีการสร้างอาคารทรงไทยล้านนาประยุกต์ และปรับปรุงเรื่อยมา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน อย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ. 2540



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือ ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงแสน เลขที่ 702 ถนนพหลโยธิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้มาจากบริเวณเมืองโบราณเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ลวดลายปูนปั้นฝีมือล้านนา พระพุทธรูปและศิลาจารึกจากเชียงแสนและจากจังหวัดพะเยา พร้อมทั้งให้ข้อมูลทางด้านวิชาการเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดี การตั้งถิ่นฐานของชุมชน และประวัติการสร้างเมืองเชียงแสน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่ ไทยลื้อและชาวเขาเผ่าต่างๆ เช่น เครื่องเขิน เครื่องดนตรี เครื่องประดับ เป็นต้น

   

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 

     1. อาคารจัดแสดงหลักชั้นล่าง แบ่งออกเป็น 5 หัวเรื่อง ได้แก่ เรื่องภูมิสถานเมืองเชียงแสน ประวัติศาสตร์และการตั้งถิ่นฐานของเมืองเชียงแสน วัฒนธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในสังคมล่างสัตว์และสังคมเกษตรกรรม เรื่องลวดลายปูนปั้นจากวัดป่าสัก เรื่องจารึกที่พบในเมืองเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง และเรื่องพัฒนาการของเครื่องถ้วยล้านนาในจังหวัดเชียงราย ซึ่งนับเป็นแหล่งศักษาค้นคว้าเครื่องถ้วยล้านนาที่ผลิตจากแหล่งเตาในจังหวัดเชียงรายที่สำศัญแห่งหนึ่ง 

     2. อาคารจัดแสดงหลักชั้นลอย แบ่งออกเป็น 2 หัวเรื่อง ได้แก่ เรื่องโบราณสถานที่สำศัญในเมืองเชียงแสนและเรื่องโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้นและขุดแต่งทางโบราณคดีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500-ปัจจุบัน ทั้งในเมืองเชียงแสน และพื้นที่อื่นๆ ในจังหวัดเชียงราย อาทิ พระพุทธรูป เครื่องประดับเจดีย์ แผ่นอิฐที่จารึก และเครื่องสำริด เป็นต้น 

     3. อาคารส่วนขยาย จัดแสดงเกี่ยวกับชาติพันธุ์วิทยา แบ่งออกเป็น 3 หัวเรื่อง ได้แก่ เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชนแถบลุ่มน้ำโขง อาทิ เครื่องมือ ที่ใช้ในการทำมาหากินในชีวิตประจำวัน เครื่องดนตรีพื้นเมือง ดาบและอาวุธต่างๆ เรื่องเมืองเชียงแสนในอดีกล่าวถึงพัฒนาการของเมืองเชียงแสนในสมัยรัตนโกสินทร์เริ่มตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 

     จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าๆให้ชาวลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ เข้าไปอาศัยอยู่ในเมือง เชียงแสน และฟื้นฟูเมืองขึ้นใหม่ การเข้ามาของกลุ่มชนต่างๆ เช่น ไทยลื้อ ไทยใหญ่ รวมทั้งชาวเขาเผ่าต่างๆ โดยได้รวบรวมเครื่องเขินของพม่าแบบต่างๆ มากที่สุด 
โบราณวัตถุที่สำคัญ ได้แก่
หน้ากาล
         ศิลปะล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 ได้จากวัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เมื่อ พ.ศ. 2500
เป็นชิ้นส่วนลายปูนปั้นประดับสถาปัตยกรรมเจดีย์ประธานวัดป่าสัก บริเวณส่วนมุม ลักษณะเป็นรูปใบหน้ากึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์สวมกระบังหน้า เหนือเศียรเป็นลายกนก ปากคายลายกนกออกมาทั้งสอบข้าง มีมือยึดลายกนกไว้ริมฝีปากล่างหักหายไป
เปลวรัศมี
           ศิลปะล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 พบที่วัดเจดีย์หลวง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย แล้วนำไปที่วัดมุมเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
เปลวรัศมี คือ สัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้หล่อด้วยสำริด ภายในกลวง ลักษณะเป็นเปลวรัศมี 9 แฉก แต่ยอดตรงกลางหักหายไป มีช่องสำหรับใส่หินมีค่าเพื่อประดับตกแต่ง ฐานด้านล่างมีกลีบบัวหงายรองรับและมีเดือยสำหรับสวมลงบนเศียรพระพุทธรูป
ประติมากรรมรูปพระฤาษีกัมมะโล
          ศิลปะล้านนา พ.ศ. 2147 พบที่วัดพระธาตุดอยตุง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ประติมากรรมรูปบุคคลนั่งศรีษะเกล้ามวยสูง ใบหน้ายิ้ม นุ่งห่มหนังสือ สองมือพนมสูงเสมออก ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นในลักษาการที่เรียกว่า "ประคองอัญชลี" บนที่นั่งด้านขวามีภาชนะรูปร่างคล้ายคนโทใส่น้ำ ด้านซ้ายมีภาชนะรูปทรงคล้ายขันหรือชามกับกล่องใส่ของ ฐานล่างมีภาพบุคคลกำลังแสดงความเคารพรูปกวาง มีภาพของเครื่องมือเครื่องใช้ สันนิษฐานว่าเป็นเครื่องใช้ของฤาษี ซึ่งเครื่องใช้เหล่านี้พบประกอบลายปูนปั้นกลีบขนุนปรางค์ในสมัยลพบุรี
สาระสำคัญของจารึกบนฐานพระฤาษีกัมมะโลกล่าวถึงการสร้างพระธาตุดอยตุง โดยพระเจ้าอชุตราชเป็นผู้นำในการสร้างถวายแด่พระฤาษีกัมมะโล เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้ฉลองพระธาตุ มีการสร้างตุง (ธง) ขนาดใหญ่ จึงเป็นที่มาของชื่อ "ดอยตุง" และมอบหมายให้ชาวลัวะเป็นผู้ดูแล
พิณเปี๊ยะ
         ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 25 หัวเปี๊ยะทำเป็นรูปหัวช้าง มีงวง มีหูกางใช้เป็นที่พาดสายทั้ง 2 ข้าง ส่วนปลายด้ามทำเป็นปลอกสำหรับเป็นที่เสียบแกนไม้ เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองของล้านนา ที่มีประวัติพัฒนาการที่ยาวนาน




รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :

เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้จากบริเวณเมืองโบราณเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ลวดลายปูนปั้นฝีมือล้านนา พระพุทธรูปและศิลาจารึกจากเชียงแสนและจากจังหวัดพะเยา พร้อมทั้งให้ข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดี การตั้งถิ่นฐานของชุมชน และประวัติการสร้างเมืองเชียงแสน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่ ไทยลื้อและชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เช่น เครื่องเขิน เครื่องดนตรี เครื่องประดับ เป็นต้น เปิดวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 08.30-16.30 น. ปิดวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท โทร. 0 5377 7102
www.thailandmuseum.com

    

  

    



    

www.lovechiangrai.com  

หมายเหตุ
ข้อมูลแล้วภาพประกอบทีมผู้จัดทำได้นำมาจากอินเตอร์เน็ต ต้องการนำข้อมูลมาเพื่อเผยแพร่การท่องเที่ยวของไทยเท่านั้น
 
   อบรมการเจรจาต่อรอง   ส่งรถมอเตอร์ไซค์   ผ้าขนหนูราคาโรงงาน   พาเลทมือสอง   ผ้าม่านราคาถูก  
×